#การแข่งขัน : เชียงราย
#ผูจัด : เชียงราย
#Course Detail :
การตัดสิน
1
นักกอล์ฟที่ทำคะแนนรวม Stable Ford มากที่สุดเป็นผู้ชนะ หากมีผู้ทำคะแนนเสมอกัน นักกอล์ฟที่มีแต้มต่อน้อยกว่าจะเป็นผู้ชนะ
2
หากผลการตัดสินยังคงเสมอกัน ให้เปรียบเทียบคะแนนรวม Stable Ford เก้าหลุมสุดท้าย (10-18), หกหลุมสุดท้าย (13-18), สามหลุมสุดท้าย (16-18) จนกว่าจะปรากฎผลแพ้ชนะ
3
หากผลการตัดสินยังคงเสมอกันอีก ให้เปรียบเทียบคะแนนสุทธิ (Gross Score) เป็นรายหลุมย้อนหลังตั้งแต่หลุม 18 ไปถึงหลุม 1 จะกว่าจะ ปรากฎผลแพ้ชนะ
หมายเหตุ ใช้ในการหาเพิ่มเติม แบบ Gross Score , Net Score ,Team Type
หมายเหตุ
การตัดสินประเภททีม 1. ทีมนักกอล์ฟที่ทำคะแนนรวม Stable Ford มากที่สุดเป็นผู้ชนะ 2. ทีมนักกอล์ฟที่มีผลรวมแต้มต่อวันสุดท้ายน้อยกว่าจะเป็นผู้ชนะ 3. เปรียบเทียบทีมนักกอล์ฟที่มีคะแนนรวม Stable Ford เก้าหลุมสุดท้าย (10-18), หกหลุมสุดท้าย (13-18), สามหลุมสุดท้าย (16-18) วันสุดท้ายหาผลแพ้ชนะ
หมายเหตุ
การตัดสินผลแพ้ชนะ 1. Gross Score (ในกรณีมีการมอบรางวัลชนะเลิศ Gross Score) ผู้ที่ทำคะแนน Gross Score ต่ำ ที่สุดเป็นผู้ชนะ หาก Gross Score เท่ากันผู้ที่มีแต้มต่อสูงกว่าเป็นผู้ชนะ หากยังเท่ากันอีกผู้ที่ทำ คะแนนรวม 9 หลุมหลัง (รอบ In) น้อยกว่าเป็นผู้ชนะ หากยังเท่ากันอีกจะเทียบคะแนนย้อนหลัง หลุมต่อหลุมจากหลุม 18 ลงมา ใครทำสโตรคได้ต่ำกว่าเป็นผู้ชนะ
หมายเหตุ
การตัดสินผลแพ้ชนะ 2. Net Score ผู้ที่ทำคะแนน Net Score ต่ำที่สุดจะเป็นผู้ชนะ หาก Net Score เท่ากันผู้ที่มีแต้ม ต่อน้อยกว่าเป็นผู้ชนะ หากยังเท่ากันอีกผู้ที่ทำคะแนนรวม 9 หลุมหลัง (รอบ In) น้อยกว่าเป็นผู้ ชนะ หากยังเท่ากันอีกจะเทียบคะแนนย้อนหลังหลุมต่อหลุมจากหลุม 18 ลงมา ใครทำสโตรคได้ ต่ำกว่าเป็นผู้ชนะ
แต้มต่อ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
การหาแต้มต่อในระบบ 36 System
วิธีการคิดแต้มต่อโดยใช้ระบบ 36 System นั้นจะเป็นการหาแต้มต่อของผู้เล่นอีกวิธีหนึ่งที่นิยม กันอย่างแพร่หลาย และนับว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดีในการกำหนดแต้มต่อของผู้เล่น
วิธีการคิด
1. ในการคิดนั้นจะกำหนดให้ในแต่ละหลุมมีคะแนนดังนี้ หากผู้เล่นทำพาร์, เบอร์ดี้, อีเกิ้ล, หรืออัลบา ทอซ จะได้ 2 คะแนน หากผู้เล่นทำโบกี้ จะได้ 1 คะแนน และถ้าผู้เล่นทำสกอร์มากกว่าโบกี้จะไม่ได้ คะแนนในหลุมนั้น
2. เมื่อผู้เล่นเล่นจบครบ 18 หลุม ก็ให้นำเอาคะแนนที่ได้ในแต่ละหลุมมารวมกัน แล้วนำไปลบ 36 จะ ได้เป็นค่าแต้มต่อออกมาซึ่งจะมีค่าตั้งแต่ 0-36 แต่ในการแข่งขันของ SINGHA AMATEUR GOLF CIRCUIT นั้น กำหนดค่าแต้มต่อสูงสุดไว้ไม่เกิน 24
ตัวอย่าง
HOLE
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
PAR
4
4
3
5
3
4
5
4
4
4
4
3
4
5
4
4
3
5
SCORE
6
6
5
4
4
3
5
5
6
7
4
3
3
6
4
3
4
5
HCP.
POINT
0
0
0
2
1
2
2
1
0
0
2
2
2
1
2
2
1
2
22
14
จากตารางจะเห็นว่าคะแนนที่ทำได้ทั้ง 18 หลุม รวมกันจะเท่ากับ 22 เมื่อนำไปลบกับ 36 จะ เหลือ 14 ดังนั้น นักกอล์ฟท่านนี้จะมีแต้มต่อเท่ากับ 14
การคิดคะแนนในระบบ Stable Ford
เป็นการแข่งขันที่คิดคะแนนรวมทั้ง 18 หลุม โดยในแต่ละหลุมจะมีคะแนนดังนี้
-
ในหลุมใดๆ หากนักกอล์ฟทำน้อยกว่าอีเกิ้ล
จะได้ 5 คะแนน
-
ในหลุมใดๆ หากนักกอล์ฟทำอีเกิ้ล
จะได้ 4 คะแนน
-
ในหลุมใดๆ หากนักอล์ฟทำเบอร์ดี้
จะได้ 3 คะแนน
-
ในหลุมใดๆ หากนักกอล์ฟทำพาร์
จะได้ 2 คะแนน
-
ในหลุมใดๆ หากนักกอล์ฟทำโบกี้
จะได้ 1 คะแนน
ในหลุมใดๆ หากนักกอล์ฟทำดับเบิ้ลโบกี้หรือมากกว่า จะไม่ได้คะแนน
นักกอล์ฟทุกคนจะได้รับหลุมต่อตาม HC โดย HC ของนักกอล์ฟแต่ละคนจะหาจะหาโดยระบบ
36 System ซึ่งคะแนน Stable Ford ของหลุมต่อนั้นจะเพิ่มขึ้นอีก 1 คะแนน ดังนี้
-
ในหลุมใดๆ หากนักกอล์ฟทำน้อยกว่าอีเกิ้ล
จะได้ 6 คะแนน
-
ในหลุมใดๆ หากนักกอล์ฟทำอีเกิ้ล
จะได้ 5 คะแนน
-
ในหลุมใดๆ หากนักอล์ฟทำเบอร์ดี้
จะได้ 4 คะแนน
-
ในหลุมใดๆ หากนักกอล์ฟทำพาร์
จะได้ 3 คะแนน
-
ในหลุมใดๆ หากนักกอล์ฟทำโบกี้
จะได้ 2 คะแนน
-
ในหลุมใดๆ หากนักกอล์ฟทำดับเบิ้ลโบกี้
จะได้ 1 คะแนน
การคิดคะแนน นักกอล์ฟที่ทำคะแนนรวม Stable Ford มากที่สุดเป็นผู้ชนะ
การหาจำนวนหลุมต่อของการคิดคะแนนระบบ STABLE FORD
จำนวนหลุมต่อจะหาโดยการคิด 75% ของ HC.ที่หาได้จากระบบ 36 System โดยหลุมต่อที่ได้จะมี จำนวนสูงสุดที่ 18 หลุม
PGST : Professional Goft Systems Thailand © 2016 [http://www.live-scorereport.com,
หลุมต่อ
1
2
2
3
4
5
5
6
7
8
8
9
10
11
11
12
13
14
14
15
16
17
17
18
หลุ่มได้ต่อ